2/7/59

Koh Rong Cambodia

          เกาะรงเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของกัมพูชา เป็นเกาะที่ยังคงความสวยงามทางธรรมชาติอยู่ ไม่มีผ้าใบหรือร่มชายหาด น้ำทะเลใสมาก แม้จะใกล้ชายฝั่งก็ยังคงมองเห็นฟูงปลาได้ชัดเจน และมากกว่าครึ่งของคนบนเกาะเป็นฝรั่ง ทริปนี้มีสามคนคู่รักและเราที่เป็น กขค.จ๊ะ ซึ่งเป็นทริปวันหยุดเข้าพรรษาช่วงต้นสิงหาคมเรามีวันหยุดกันสามวัน เหตุผลที่เลือกไปเกาะนี้นะเหรอไม่มีอะไรมาก แค่จองตั๋วรถไปที่อื่นไม่ทัน เต็มหมดเลย 555 การเดินทางเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิโดยรถตู้โดยสาร กรุงเทพ-ตราด ต่อด้วยรถตู้จากท่ารถไปยังชายแดนกัมพูชา ก่อนเข้าประเทศต้องนำพาสปอร์ตไปทำวีซ่าชั่วคราวโดยค่าวีซ่าอยู่ที่ 100 บาท คำแนะนำคือให้ไปทำเองโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ หากมีใครมาเสนอตัวเข้าช่วยอย่าเผลอตัวเด็ดขาด เพราะที่นั่นพวกต้มตุ๋นเยอะมาก อันที่จริงเวลาเดินทางไปต่างประเทศบริเวณที่มีนักต้มตุ๋นเยอะที่สุดก็คือชายแดน สนามบิน หรือสถานีรถไฟนี่แหละ พอข้ามผ่านชายแดนเราเลือกใช้แท็กซี่เพื่อไปที่ สีหนุวิลล์(Siahnouk ville) เสียค่าแท็กซี่ไป2000 บาท แต่ที่จริงมีรถบัสไปถึงนะ บอกเลยว่าตอนนั้นโดนหลอก (หัวเราะหนักมาก) แต่ก็ดีที่เขาหาที่พักและหาที่ซื้อตั๋วไปเกาะรงให้ พอถึงที่พักก็ยังไม่มืดเราก็เลยเดินสำรวจแถวชายหาดแล้วก็ท่าเรือที่เราจะต้องไปขึ้นเรือในวันพรุ่งนี้ อาหารมื้อแรกของเราเป็นอาหารในร้านตามสั่งมีเมนูอาหารไทยด้วย ค่าอาหารไม่แพงพอๆกับไทยแต่อาหารได้ในปริมาณอิ่มหนำมาก ชูรสหนัก น้ำมันเยิ้ม ส่วนอาหารซีฟูดเลือกทานร้านไหนก็ได้คะเมนูเหมือนกันทุกร้าน ราคาเท่ากัน และเงินที่ใช้ที่นี่เป็นเรียว แต่เขาก็รับเงินที่เป็นดอลล่านะแต่ประเด็นคือเขาจะทอนเป็นเรียวซึ่งค่าเงินมันต่ำกว่า ตามชายหาดที่ สีหนุวิลล์อารมณ์เหมือนบางแสน มีหาบเร่และร่มชายหาด ทะเลไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ตามทางเดินลงชายหาดมีร้านขายบิกินี(ชุดบิกินีถูก ไปสอยมาแล้วชุดนึง) ชุดว่ายน้ำ หรือร้านอื่นๆเรียงรายกัน
          เช้าวันถัดมาเรือออกจากท่า 10 โมงเช้า อากาศไม่ค่อนเป็นใจเท่าไหร่ฝนรินปรอยๆ แต่โชคดีที่ว่า พอถึงเกาะรงแล้วฝนหยุดตกและฟ้ากลับมาสดใส ส่วนการหาที่พักบนเกาะค่อนข้างยากนิดหน่อยเพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยอะ เราเองก็เพิ่งรู้กันเมื่อมาถึงเกาะว่าคืนนี้มีฟูลมูลปาร์ตี้ อาหารมื้อแรกที่นี่รู้สึกจะเป็นสปาร์เก็ตตี้คาโบนาราทำโดยคนเยอรมันในร้านอาหารบนท่าเรือ หลังจากที่เราลงเล่นน้ำจนเปียกปอนกันไปแล้ว พอตกเย็นก็ไปนั่งดื่มริมชายหาดกันเพื่อรอเวลาฟูลมูลปาร์ตี้เริ่ม และเมื่อแอลกอฮอร์เข้าเลือดเราก็ย้ายร้านไปร้านที่ดูน่าสนุกหน่อย มาแล้วคะประสบการณ์ใหม่รู้ว่าเขาขายกัญชากันยังไงก็วันนี้แหละ มาในกล่อง Pringles หลากสีเชียว และได้ลอง Tequila shots ในรูปแบบใหม่ด้วยเอาเส่! กว่างานจะเริ่มทุกคนก็มึนละ
          ปาร์ตี้ทามเริ่มแล้วตอน 6 ทุ่มเชื่อว่าคนทั้งเกาะอยู่ที่นี่และตอนนี้เบียดเสียดกันมากทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ เอาจริงๆเราก็ไปอยู่แถวพวกกลุ่มวัยรุ่นกัมพูชาซะมากกว่าเพราะหน้าตาไม่แตกต่างกันเลย ตั้งแต่เข้าประเทศละมีแต่คนด้นภาษาเขมรใส่ แต่ว่าก็คุยกับคนหลายๆชาติเหมือนกันนะ เขาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวของเขาให้ฟังแต่ละคนนี่น่าอิจฉามาก มีคนนึงเป็นคนเบลเยี่ยมอายุ 22 เที่ยวเกือบทั่วโลกแล้ว ประเด็นคือเที่ยวคนเดียวด้วย พอถึงประมาณตี 4 เราเริ่มไม่ไหวแล้วเลยยอมแพ้กลับไปนอนดีกว่า พอตื่นมาตอนเช้าตอน 7 โมง เห็นบางคนเพิ่งกลับมาจากปาร์ตี้ แหม...อึดกันจริงๆ อาหารเช้าวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวที่น่าจะใส่ผงชชูรสไปประมาณ 4 ช้อนได้แค่นั้นยังไม่พอบนโต๊ะยังมีผงชูรสให้เติมแบบไม่อั้นเลยจ้า ส่วนเมื้อสุดท้ายบนเกาะเป็นข้าวผัดซีฟูด(ราดน้ำมัน)จานใหญ่ วันนี้เป็นวันที่ต้องขึ้นฝั่งแล้วเรือจะออกช่วงบ่ายพวกเราเลยใช้เวลาที่เหลือนอนเกลือกกลิ้งกันอยู่บนชายหาดรอเวลาเรือออก
          พอขึ้นฝั่งเราก็ตรงไปที่ขายตั๋วกลับ กทม.เลยเพราะกลัวจะปิดก่อน คราวนี้ซื้อแบบเป็นทริปจากบริษัททัวร์ คือรถทัวร์จาก สีหนุวิลล์ มาชายแดน และรถตู้โดยสารจากชายแดนเข้ากรุงเทพโดยตรง ก่อนเข้าที่พักก็ได้ไปแวะกันที่ร้านขายของฝาก มีของแปลกอยู่ด้วยแหะ อย่างเช่นยาดองงู ตะขาบ แมงป่อง มันน่าซื้อไปฝากใครซักคนนักเชียว 555 และประสบการณ์ใหม่อันสุดท้ายในทริปนี้มันเกิดขึ้นตรงที่พักรถขากลับมาชายแดนคือการกินผัดเผ็ดตัวเงินตัวทอง ก็ดีนะเนื้อหนึบๆ Yummy.......

สกุลเงินของกัมพูชา เงินเรียว

ถนนหน้าที่พักในสีหนุวิลล์

ผลไม้ไหมครับ

ถนนลงท่าเรือ

พวกเขาคือคู่รัก และฉันก็รักพวกเขา

อาหารมื้อแรก เค็มๆ

ร้านอาร์ตริมทางเดินลงหาด

ท่าเรือ

Would you like some BBQ?

หมึกปิ้งร้อนๆจ้า

เปรี้ยวจี๊ดแสบทรวง

ชุดนักเรียนน้องเขาน่ารักดี

ทุกคนต้องการมัน

ช่อข้าวเกรีบยกุ้งนี้แด่เธอ

นี่คาสิโนนะไม่ใช่วัด

กลุ่มหนุ่มน้อยปล่อยโคม

ถึงแล้วเกาะรง

ฟ้ายังไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่

สองคนนี้นั่งเรือมาด้วยกัน เขาเป็นคนไทยทั้งคู่

หมาเขมร

นี่คือโรงเรียนแห่งเดียวบนเกาะ ซึ่งมีครูที่รับจ๊อบเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านที่ขายกันชา

อีกมุมของท่าเรือ

ทรายขาว เท้าดำ

ฟ้าเริ่มเปิดแล้ว

ภาพนี้ให้ชื่อว่า แน่นปึก!

มีคายัคให้เช่าด้วย

ฟ้าใสหาดทรายขาว

มุมนี้จากร้านอาหารริมชายหาด


Brasov and Bran castle,Romania

          รู้จักกันสินะ Dracula นะ วันนี้จะพาไปบุกบ้าน(จริงๆ)ของผีดูดเลือดแห่งตำนานกัน อันที่จริงทริปนี้เป็นทริปที่ต่อจากทริปSinaia เพราะว่าอยู่บนเส้นทางเดียวกัน เราออกจากเมืองSinaia ประมาณบ่ายสี่โมง และถึงเมือง Brasov (บราชอฟ) ประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งตอนนั้นมืดแล้วเพราะเป็นหน้าหนาว ซึ่งที่แรกที่เราไปคือที่พักที่เราจองกันเอาไว้ผ่านอินเตอร์เน็ต อยู่ตรงเซ็นเตอร์ของเมือง เป็นโฮสเทล ราคาประมาณ800บาทต่อคืน เราพักกันสองคนก็หารกันคะถือว่าไม่แพง แต่ว่าไอ่ที่มันพีคที่สุดนี่คือไปถึงแล้วหาทางเข้าไม่เจอเดินวนไปมาประมาณครึ่งชม. สุดท้ายก็ถามตำรวจ โชคดีที่ตำรวจพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ยังไม่จบแค่นั้นพอรู้ที่อยู่แล้วหาทางเข้าไม่เจอ เจอแต่ประตูไม้เก่าๆอันใหญ่พอเปิดเข้าไปมืดสนิทมีถังขยะอันใหญ่ประมาณ 5 ถัง ในใจก็คิดว่ามันไม่ใช่แล้วละมันคงเป็นที่ทิ้งขยะชัวร์ หนทางสุดท้ายคะโทรหาเจ้าของสิ! แต่เขาก็ยืนยังคะว่าที่นี่นะถูกแล้ว ไอ่เราก็ยังไม่กล้าเดินเข้าไปอยู่ดีเขาเลยส่งลูกชายออกมารับ โอโห...เดินออกมาจากอีประตูเก่าๆนั้นจริงด้วย ตอนนั้นเราสองคนนี่มองหน้ากันแบบแค่สบตาก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเดินตามเขาเข้าไปคะ(พอดีว่าใจง่าย555) แต่พอเข้าไปข้างในก็โคแค่นะ ได้อยู่ชั้นบนสุดด้วย เป็นห้องใต้หลังคาแต่ถ้าเทียบกับราคาถือว่าโอเคมาก
          พอเราเก็บสำพาระทุกอย่างเรียนร้อยแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เดินวนไปรอบเซ็นเตอร์ของเมืองรอบนึงก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดีว่าจะกินอะไร เพราะเมื่อกลางวันก็จัดอาหารโรมาเนียนไปแล้ว สุดท้ายเราก็มาจบที่ KFC ต่อด้วยไอศครีมท่ามกลางอากาศติดลบ ยังไม่พอก่อนกลับที่พักจัดมาการองและเค้กไปอีกคนละหลายชิ้น 
          7 โมงเช้าคือเวลาที่เรานัดกันไว้ว่าวันนี้จะขึ้นเขาไปปราสาท Bran หรือที่เรียนกกันว่าปราสาทแดรกคูล่ากัน แต่ประเด็นคือตอนนั้นเราทั้งคู่ไม่มีใครรู้เลยว่าจะไปถึงที่นั่นได้ยังไง จะไปแท็กซี่เหรอ มันก็แพงไปนะตั้ง 600 บาท เราก็เลยถามผู้เชี่ยวชาญเลย ลุง Google นั่นเอง แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ข้อมูลมากมายเท่าไหร่รู้แค่ว่ามีรถบัสไปถึง คราวนี้ก็ถึงตาเดาสุ่มตาม GPS แล้ว เราเดินกันประมาณ 5 กม. เพื่อไปขึ้นรถบัสที่ท่า ค่ารสบัสตกคนละประมาณ 70 บาท ถือว่าโอเคมาก สภาพรถบัสก็เหมือนรสบัสตามต่างจังหวัดของไทยเลย เราใช้เวลาบนบัสประมาณ 2 ชม. อันที่จริงเราก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าต้องลงที่ป้ายไหน แต่ดีที่เดาป้ายลงได้ถูก รถบัสจอดที่หน้าทางเข้าปราสาทเลย พอเดินเข้าไปจะมีตลาดเล็กๆขายของฝาก มีทั้งของกินและของที่ระลึก อารมณ์แบบดอยสุเทพ ข้างหน้าตรงทางเข้ามีบ้านผีสิงให้ได้ลองเข้าไปพิสูจน์ความกล้าเสียด้วย เรื่องค่าตั๋วแอบแพง ปกติ 35 lei  ประมาณ350  บาท ถ้าใช้บัตรนักเรียนจะอยู่ที่ 20 lei หรือ 200 บาท
          ผ่านตู้ขายตั๋วเข้าไปก็เป็นทางลาดชันขึ้นไปยังตัวปราสาท ตัวปราสาทไม่ใหญ่มาก เราจะไม่พูดถึงความอลังการเพราะที่นี่จะออกแนวลึกลับมากกว่า เพราะเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยจริงของ แดรกคูล่า หรือขื่อจริงคือ Vlad Tepes (วลาด เสเปช) คนส่วนใหญ่พอพูดถึงแดรกคูล่าจะนึกถึงผีดูดเลือดตลอด จริงๆแล้วตัวจริงของแดรกคูล่าคือบุคคลคนหนึ่งที่พยายามปกป้องดินแดนของตนเองอย่างสุดกำลังถึงแม้ว่าเขาจะต้องฆ่าคนไป 40,000 ถึง 100,000คน ในช่วงชีวิตของเขาก็ตาม บางคนอาจจะมองว่าแดรกคูล่าคือตัวร้ายเสมอ แต่ในบทบาทร้ายนั้นเขามีเหตุผลที่ต้องทำเพื่อปกป้องในสิ่งที่เขารัก เหรียญมีสองด้านเสมอแล้วแต่คนจะมอง และปราสาทของเขาก็สะท้อนตัวตนของเขาได้ดีทีเดียวเพราะมันมีทั้งความสวยงามและความลึกลับอยู่ในตัว ซึ่งชาวยุโรปให้ที่นี่ขึ้นบัญชีไว้ด้วยว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่เฮี้ยนที่สุด และเราเองก็ได้เจอกับตัวมาแล้วเล็กๆน้อยๆ เรื่องเป็นยังไงขอเก็บไว้ให้อึดอัดใจเล่นแล้วกัน ว่าแต่ไปดูของจริงกันดีกว่า
รถไฟไป Brasov มาแล้ว

welcome to Brasov

Night life

มาการองแตกๆหักๆของเรา

อรุณสวัสบราชอฟ

ฟ้าโปร่งใส อากาศหนาวจับใจ

หอนาฬิกาที่เซ็นเตอร์ของเมือง

บัสไง

นี่ไงข้างในบัส เราขึ้นไอ่นี่แหละไปปราสาท

นี่ดอยสุเทพรึเปล่า 

ของแปลกๆเต็มเลย

ทางขึ้นไปปราสาท

วิวนี้มองลงไปจากตรงสุดทางขึ้นไปปราสาท

ส่วนวิวนี้ได้มาจากข้างหลังปราสาท

ประตูทางเข้า

ข้างในเหมือนบ้านธรรมดาๆ

ถ่ายจากชั้น 2 ตอนภูเขาเขียวขจีนี่สวยไม่เบา 
หิมะสุดลูกหูลูกตา

ส่วนนี้คือตรงกลางตัวปราสาท

เหรียญที่ระลึก Vlad Tepes

หลังจากเดินเหนื่อยแล้วก็เติมผลังสักหน่อย ด้วยซุปเนื้อสไตล์โรมาเนียน

กลับมาที่บราชอฟยังไม่ค่ำเราก็เดินต่อซักพัก

ตรอกนี้ยาวไปถึงภูเขา

อาหารเย็นเป็นซูชิ รสชาติไปไม่ค่อยไหวเท่าไหร่

ตื่นมาอีกวัน ไอ่นี่คืออาหารเช้า

แอลกอฮอร์เข้าเลือดแต่เช้า

กินเสร็จก็ต้องมีแบ่งปันบ้าง

จบทริปแล้ว กลับ Bucharest กัน